วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2562




เรามารู้จักโรคไข้หวัดใหญ่กัน


โรคไข้หวัดใหญ่คือ?

     ไข้หวัดใหญ่ (Flu or Influenza) คือ โรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจในส่วนของจมูก ลำคอ และปอด อาการเบื้องต้นคล้ายไข้หวัดธรรมดา มีไข้ ตัวร้อน น้ำมูกไหล ไอหรือจาม แต่มีความรุนแรงและมีโอกาสพัฒนาสู่ภาวะแทรกซ้อนได้ เป็นโรคที่สามารถพบได้ตลอดปี และระบาดในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูที่มีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน โดยเฉพาะในฤดูหนาวและฤดูฝนที่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี

โรคไข้หวัดใหญ่เกิดได้อย่างไร?

     ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคเกิดจากติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza viruses) เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจเช่นเดียวกับโรคหวัด (ไข้หวัดธรรมดาหรือ ไข้หวัด) แต่จากไวรัสคนละชนิดและมีความรุนแรงสูงกว่าโรคหวัดธรรมดามากไวรัสไข้หวัดใหญ่มีหลายสายพันธุ์ย่อย ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ย่อยมีความรุนแรงของโรคต่าง กันและเป็นไวรัสในกลุ่มเดียวกับไวรัสไข้หวัดนก แต่เป็นคนละสายพันธุ์ย่อย

โรคไข้หวัดใหญ่มีอาการอย่างไร?

     อาการสำคัญของโรคไข้หวัดใหญ่ที่พบบ่อยได้แก่ มีไข้สูง บางครั้งสูงมาก 38 - 41 อง ศาเซลเซียส
(Celsius) โดยไข้ขึ้นสูงภายใน 1 วัน ปวดศีรษะมาก ปวดกระบอกตาเวลาตาเคลื่อนไหวมีน้ำตาไหลเมื่อมีแสงสว่าง ปวดกล้ามเนื้อ/ปวดเมื่อยเนื้อตัวอ่อนเพลียมาก ไอแห้ง ๆ เจ็บคอ คัดจมูก เบื่ออาหาร ทั้งหมดเป็นอาการที่พบได้บ่อยแต่อาการที่อาจพบได้และเป็นอา การรุนแรงกว่า เช่น หายใจเหนื่อย หอบหายใจมีเสียงหวีด ไอรุนแรง หนาวสั่น คลื่นไส้ ท้อง เสีย มึนงง ซึมและ หัวใจล้มเหลว

โรคไข้หวัดใหญ่รุนแรงไหม? 

โรคไข้หวัดใหญ่รุนแรงไหม? มีโรคแทรกซ้อนไหม?โดยทั่วไปในโรคไข้หวัดใหญ่ ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อน (ผลข้างเคียง) อาการไข้ และอาการต่างๆจะดีขึ้นภายใน 5 - 7 วัน ผู้ป่วยจะค่อยๆฟื้นตัวกลับเป็นปกติ
แต่ในเด็กเล็ก คนท้อง/หญิงตั้งครรภ์ ในผู้สูงอายุ หรือเมื่อมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ (กลุ่มเสี่ยง)
ภายหลังไข้ลง อาจยังมีอาการอ่อนเพลียมากต่อเนื่องได้อีกหลายสัปดาห์โรคแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ่ มีทั้งชนิดไม่รุนแรงและชนิดรุนแรงชนิดไม่รุนแรงเช่น การอักเสบของหูชั้นกลาง (หูติดเชื้อ, หูน้ำหนวก)
และของไซนัส (ไซนัสอักเสบ)แต่เมื่อมีโรคแทรกซ้อนชนิดรุนแรงซึ่งมีโอกาสเกิดสูงในบุคคลกลุ่มเสี่ยง อาจเป็นสาหตุให้เสียชีวิตได้ เช่น ปอดบวมผู้ป่วยโรคหืด จะมีอาการรุนแรงขึ้นมากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบสมองอักเสบ และ/หรือ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เกิดอัมพาต ชัก แขน/ขาอ่อนแรง และโคม่า

โรคไข้หวัดใหญ่ติดต่ออย่างไร?

     โรคไข้หวัดใหญ่ติดต่อได้โดยวิธีเช่นเดียวกับโรคหวัด โดยติดต่อทางการหายใจจากการไอ จามของผู้ป่วย, จากเชื้อที่อยู่ในละอองอากาศเข้าสู่จมูกจากการหายใจ หรือสัมผัสกับเยื่อตา หรือ เยื่อเมือกช่องปาก, และจากสัมผัสเชื้อโดยตรง เช่นจากมือสัมผัสเชื้อ แล้วมือเช็ดปากหรือขยี้ตา ซึ่งการแพร่กระจายเกิดได้สูงในสัปดาห์แรกของอาการ

แพทย์วินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่ได้อย่างไร?

     โดยทั่วไปแพทย์วินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่ได้จากอาการและการตรวจร่างกาย แต่ที่แน่ นอน
คือ การตรวจเพาะเชื้อ จากลำคอโพรงหลังจมูก และเสมหะ และ การตรวจเลือดดูสารภูมิต้านทานโรค

โรคไข้หวัดใหญ่รักษาอย่างไร?

     โรคไข้หวัดใหญ่มีแนวทางดูแลรักษาเช่นเดียวกับในโรคหวัด ซึ่งที่สำคัญคือ พักผ่อนมาก ๆ ดื่มน้ำมากๆเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ (เมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม)ให้ยาลดไข้พาราเซตามอลหรือตามแพทย์แนะนำ (ห้ามใช้ยาแอสไพรินโดยเฉพาะในเด็ก เพราะอาจเกิดการแพ้ยาแอสไพริน)ไม่ควรกินยาปฏิชีวนะเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ในรายที่รุนแรงหรือกลุ่มเสี่ยงอาจรักษาโดยยาต้านไวรัสตั้งแต่เริ่มมีอาการ

มีวิธีดูแลตนเองอย่างไร?

    การดูแลตนเอง/การพบแพทย์ เมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่ที่สำคัญ คือการดูแลตนเอง/การพบแพทย์
เมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่ที่สำคัญ  คือ

1 เมื่อมีไข้ ควรหยุดโรงเรียนหรือหยุดงานแยกตัวและของใช้จากผู้อื่น เพื่อพักผ่อนและป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น

2 พักผ่อนให้มากๆ

3 รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงลดโอกาสเกิดโรคข้างเคียงแทรกซ้อนและลดการแพร่เชื้อ

4 พยายามกินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ในทุกวัน

5 ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆอย่างน้อยวันละ 6 -8 แก้วเมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม

6 กินยาลดไข้พาราเซตามอล หรือตามแพทย์/พยาบาล/เภสัชกรแนะนำไม่ควรกินยาแอสไพรินเพราะอาจเกิดการแพ้ ดังกล่าว

7 ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆและทุกครั้งก่อนกินอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ

8 ใช้ทิชชู่ในการสั่งน้ำมูกหรือเช็ดปาก ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าหลังจากนั้นทิ้งทิชชู่ให้ถูกสุขอนามัย
รู้จักใช้หน้ากากอนามัย

9 งดบุหรี่ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ เพราะเป็นสาเหตุให้อาการรุนแรงขึ้น

10 ควรรีบพบแพทย์เมื่อไข้สูงเกิน 39 - 40 องศาเซียลเซียสและไข้ไม่ลดลงหลังได้ยาลดไข้ภายใน 1 - 2 วันเมื่อเป็นคนในกลุ่มเสี่ยงภายใน 3 วันเมื่อเป็นคนสุขภาพแข็งแรง

11 มีผื่นขึ้น

12 ดื่มน้ำได้น้อยหรือกินอาหารได้น้อย

13 ไอมาก มีเสมหะ และ/หรือ เสมหะมีสีเหลืองหรือเขียวซึ่งแสดงว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน

14 อาการไม่ดีขึ้นหลังไข้ลง หรือ หลังไข้ลงกลับมีไข้อีก

15 เป็นโรคหืด เพราะโรคหืดมักกำเริบและควบคุมเองไม่ได้

16 อาการต่างๆเลวลง

17 เมื่อกังวลในอาการควรพบแพทย์เป็นการฉุกเฉิน
เมื่อหอบเหนื่อยร่วมกับไอมาก อาจร่วมกับนอนราบไม่ได้
เพราะเป็นอาการแทรกซ้อนจากปอดบวม

18 เจ็บหน้าอกมากร่วมกับหายใจขัด เหนื่อย
เพราะเป็นอาการจากอาการแทรกซ้อนจากเยื่อหุ้มหัวใจ
หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ

19 ชัก ซึม สับสน แขน/ขาอ่อนแรง อาจร่วมกับปวดศีรษะรุนแรง
และคอแข็ง เพราะเป็นอาการแทรกซ้อนจากเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
และ/หรือ สมองอักเสบ









โรคไข้หวัดใหญ่ป้องกันได้ไหม?

   1 โรคไข้หวัดใหญ่ป้องกันได้ที่สำคัญ คือรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน
(สุขบัญญัติแห่งชาติ) พักผ่อนให้มากๆ  กิน อาหารมี    ประโยชน์ให้ครบห้าหมู่ทุกวัน โดยเพิ่มผัก/ผลไม้มากๆ  
                                                                
   2  ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆและทุกครั้งก่อนกินอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ                  
                                    
   3 หลีกเลี่ยงการคลุกคลีสัมผัสผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการไปในที่แออัด                                
                                        
   4 รักษาความสะอาดของใช้ส่วนตัว เช่น ไม่ใช้ช้อน แก้วน้ำ ร่วมกับบุคคลอื่น          
                                       
   5 ไม่ใช้มือไม่สะอาดขยี้ตา ล้างมือก่อนเมื่อจะสัมผัสดวงตา                                      
                                              
   6 รู้จักใช้หน้ากากอนามัย                                                                                          
                                                  
   7 เมื่อเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือต้องดูแลผู้ป่วย
ควรปรึกษาแพทย์ขอรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

โรคไข้หวัดใหญ่ต่างจาก โรคหวัดไหม?

1 โรคไข้หวัดใหญ่และโรคหวัด เป็นคนละโรค แต่มีวิธีติดต่อ อาการ วิธีวินิจฉัย
และแนว ทางการรักษาในระยะแรก เหมือนกัน ที่แตกต่าง คือเกิดจากติดเชื้อไวรัสคนละชนิด                 
                                                         
2 อาการจากไข้หวัดใหญ่ รุนแรงกว่ามากและมีอาการรุนแรงทันที
แต่อาการของไข้หวัดจะค่อยเป็นค่อยไป         

3 โรคไข้หวัดใหญ่มักเกิดโรคข้างเคียงแทรกซ้อนได้โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง           
                                       
4 ในไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการรุนแรง แพทย์อาจรักษาด้วยยาต้านไวรัสตั้งแต่แรก       
                                     
 
5 โรคไข้หวัดใหญ่มีวัคซีนป้องกัน
(ปรึกษาแพทย์เรื่องการได้รับวัคซีนเมื่อเป็นกลุ่มเสี่ยง) แต่ไข้หวัดไม่มี




สวัสดีผู้รับชม ทุกๆคนนะคะ